Posts

Showing posts from September, 2018

4 ความต้องการทางอารมณ์ของเด็กเล็ก ที่พ่อแม่ต้องเข้าใจ

Image
ในที่นี้เด็ก หมายถึง วัยแรกเกิดจนถึง 12 ปี ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่จะเข้าสู่วัยรุ่น ทั้งนี้อาจจะพิจารณาเป็น 3 ระยะ คือ วัยทารก วัยก่อนเรียน และวัยเรียน ในแต่ละวัยมนุษย์เรามีความต้องการตามธรรมชาติแตกต่างกันไป ถ้าได้บรรลุความต้องการก็จะเกิดความพึงพอใจ เชื่อมั่นในตนเอง มานะพยายาม และเกิดการพัฒนาบุคลิกภาพในทางที่เหมาะสม ต่อไปถ้าผิดหวังก็เกิดขัดเคือง หมดความมั่นใจ ท้อถอย รู้สึกเป็นผู้แพ้ 3 สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติของมนุษย์ เด็กเล็กมีความต้องการทางร่างกาย ได้แก่ อาหาร อากาศ น้ำ สัมผัส ฯลฯ เมื่อโตขึ้นมีการเรียนรู้มากขึ้นก็เกิดความต้องการทางอารมณ์ สังคม ความต้องการของเด็กเล็กแบ่งได้เป็น 4 อย่างคือ 1. ความต้องการความรัก (Need for Affection)  เมื่อเด็กจำความได้จะรู้สึกว่าความรักอบอุ่นนั้นเป็นของสำคัญ อยากให้คนอื่นรักและได้รักคนอื่น เด็กที่มีความอบอุ่นได้รับความรักจากพ่อแม่ พี่น้อง จะมีอารมณ์แจ่มใสคงที่ ไม่มีการเอาเปรียบ อิจฉาริษยา ซึ่งตรงข้ามกับเด็กที่ขาดความรัก ความอบอุ่น 2. ความต้องการความปลอดภัย (Need for Security)  เด็กต้องการความเสมอต้นเสมอปลาย หากมีการเป...

เด็กที่ปรับตัวช้า (slow to warm up)

Image
"Slow to warm up...ก็เครื่องหนูติดช้า อย่าว่าหนูเลยนะ" เคยเจอเด็กเครื่องติดช้ากันไหมคะ? บางท่านมีงง เด็กนา ไม่ใช่รถยนต์ มีเครื่องติดช้า ติดเร็วด้วยหรือ?? มีค่ะ เจอได้เรื่อยๆ เลย ...ถ้าใครที่ลูกเครื่องติดช้า คงซึ้งตั้งแต่เห็นบรรทัดแรก ...ถ้าใครที่ลูกเครื่องแรง เร็ว คงไม่เข้าใจว่าทำไมเด็กบางคนเครื่องติดช้าจัง อธิบายคร่าวๆ พอเข้าใจตรงกันนะคะ...หลายท่านคงเคยได้ยินคำว่า "Temperament" หรือ "พื้นอารมณ์" กันมาบ้าง เรียกง่ายๆ ก็คือ เป็นบุคลิกลักษณะเฉพาะตัว ที่เด็กแต่ละคนมีมาแต่กำเนิด ซึ่งมีปัจจัยทางด้านพันธุกรรมเจืออยู่ไม่น้อย คำนี้ไม่ใช่คำใหม่เลย มีการพูดถึงมาตั้งเกือบ 40 ปี แล้ว โดย Thomas & Chess สังเกตลักษณะเด็กในด้านต่างๆ รวมไปถึงวิธีการปรับตัว แล้วแบ่งเด็กออกเป็น 3 กลุ่ม หลักๆ หนึ่งในนั้นคือ Slow to warm up temperament ...ลักษณะของเด็กกลุ่มนี้ ง่ายๆ สั้นๆ คือ "ขี้อาย" เวลาอยู่ในสถานที่คุ้นเคย กับคนคุ้นใจ เด็กจะเป็นตัวของตัวเองได้เต็มที่ พอออกนอกบ้าน เจอคนที่ไม่คุ้น เจอที่แปลกไป เท่านั้นแหละ เปลี่ยนเป็นคนละคน อะไรเคยทำได้ ไม...

การบันทึกพัฒนาการมีความสำคัญ

Image
 การบันทึกพัฒนาการของลูกในแต่ละเดือนถือเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อประเมินว่าลูกน้อยของเรา มีพัฒนาการเป็นไปตามเกณฑ์หรือไม่อย่างไร ควรช่วยเติมเต็มหรือฝึกเพิ่มด้านไหนบ้าง การบันทึกพัฒนาการเด็กเป็นการบันทึกความสามารถบางส่วนที่สำคัญตามวัยเด็ก ซึ่งเด็กแต่ละคนอาจมีพัฒนาการช้าเร็วแตกต่างกัน  ถ้าถึงอายุที่ควรทำได้ แล้วเด็กทำไม่ได้ ควรให้โอกาสฝึกก่อน 1เดือน  และถ้าลูกมีลักษณะดังต่อไปนี้ควรปรึกษาแพทย์ หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุข 6 สัญญาณเตือนเกี่ยวกับพัฒนาการเด็กที่ต้องพบแพทย์  1. อายุ 3เดือน  ลูกไม่สบตาหรือยิ้มตอบ ไม่ชูคอในท่านอนคว่ำ 2. อายุ 6 เดือน  ไม่มองตาม ไม่หันตามเสียง  ไม่สนใจคนที่เล่นด้วย  ไม่พลิกคว่ำพลิกหงาย 3. อายุ 1 ปี  ยังไม่เกาะเดิน ใช้นิ้วมือหยิบของกินใส่ปากไม่ได้ ไม่เลียนแบบท่าทางและเสียงพูด 4. อายุ 1 ปี 6 เดือน  ทำคามสั่งง่ายๆไม่ได้ เช่น  นั่งลง สวัสดี เดินมาหาแม่สิลูก 5. อายุ 2 ปี  พูดคำต่อกัน 2 พยางค์ไม่ได้ 6. พัฒนาการล่าช้ากว่าวัย  น้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์  เจ็บป่วยบ่อยๆ การบันทึกพัฒนาการ เป็นการ...

สแกนสุขภาพ พี่เลี้ยงเด็กก่อนเลี้ยงลูก

Image
1. ตรวจสุขภาพ             หน้าตาดี ดูภายนอกสะอาดสะอ้าน...ผ่าน QC. เพียงสายตาภายนอกไม่พอค่ะ เพราะสุขภาพด้านในนั้นไม่อาจรู้ได้ ทางเดียว คือ การตรวจสุขภาพ เดี๋ยวนี้ตามโรงพยาบาลจะมีโปรแกรมการตรวจสุขภาพทั่วไป ทำให้รู้ได้ว่าสุขภาพโดยรวมนั้นดีหรือไม่ดีอย่างไร   ตรวจร่างกายทั่วไป    ชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง เช็คกรุ๊ปเลือด ตรวจปัสสาวะ อุจจาระ เอ็กซเรย์ปอดและหัวใจ สายตา ฟังอัลตราซาวนด์ช่องท้อง ปอด การทำงานของตับและไต เช็คมะเร็งปากมดลูก มะเร็งเต้านม ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ วัดระดับน้ำตาลในเลือด เบาหวาน วัดระดับไขมัน ยูริกในเลือด และตรวจพยาธิ   ตรวจโรคติดต่อ    อาจจะเลือกตรวจเฉพาะโรคที่ติดต่อได้ง่ายหรือโรคที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ พี่เลี้ยงเด็ก  เช่น โรคเอดส์ โรคซิฟิลิส โรคเริม โรคมือ เท้า ปากเปื่อย หากเป็นโรคเหล่านี้อยู่ควรรักษาให้หายขาดได้ก่อน หรือไม่ก็ปฏิเสธเลือกพี่เลี้ยงคนใหม่ จะดีกว่าทู่ชี้ให้เลี้ยงลูก ไม่คุ้มกันแน่ๆ 2. เพิ่มภูมิคุ้มกัน        ...

ผิดไหมที่เด็กเลี้ยงยาก...ฝึกวินัยเด็กก่อนจะสายเกินไป

Image
“ดูท่าทางเป็นเด็กเลี้ยงง่ายเนอะ”, “โชคดีจังเลยมีลูกเลี้ยงง่าย กินข้าวก็เก่ง” ฯลฯ ก็จะตอบเค้ากลับไปว่า “เลี้ยงง่ายค้าบ”, “เค้ากินข้าวเก่งค่ะ” ก็ตอบกันไปตามคำถามต่างๆๆ บาง ทีก็เบื่อจะตอบเหมือนกัน เพราะคนส่วนใหญ่มักจะคิดว่า การที่เด็กจะอารมณ์ดี เป็นเด็กดี เลี้ยงง่าย กินข้าวเก่ง ฯลฯ เป็นเรื่องที่ต้องอาศัยโชคชะตา หรือต้องอาศัยความโชคดีของคนเป็นพ่อเป็นแม่เป็นทุนเดิม     ถ้าไม่ได้มีลูกเองก็คงไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่บางทีก็ออกจะสงสัยว่า คนที่มีลูกแล้วเค้าไม่เข้าใจกันหรอ ว่า… สิ่งเหล่านี้มันเกิดจากการเลี้ยงดูเกือบ 100% ไม่ได้เกิดมาจากโชคชะตา หรือบุญทำกรรมแต่ง!! ถ้านึกย้อนกลับไปตอนแรกเกิดนั้น ต้นหนาวไม่มีวี่แววของเด็กเลี้ยงง่ายเลย ยังแอบคิดในใจเลยว่า ลูกจะนิสัยเหมือนแม่หรือป่าวหว่าาา… 55 เพราะหลังจากเกิดได้ประมาณ 3 วัน จากเด็กที่เวลาร้อง จะร้องแอะๆๆ แงๆๆ เหมือนเด็กแรกเกิดทั่วไป ต้นหนาวร้องแบบนั้นได้ซัก2 วัน แล้วหลังจากนั้น ไม่เคยรู้จักการร้องธรรมดาอีกเลย… เวลาร้อง ไม่ว่าจะต้องการอะไรก็แล้วแต่ จะหิว จะอยากให้อุ้ม จะอยากให้กอด ง่วงนอน ฯลฯ จะร้องกลั้นอย่างเดียววววว...

ยากหรือง่าย? สังเกตพฤติกรรมเด็ก พร้อมวิธีรับมือ

Image
คุณพ่อคุณแม่บ้านไหน มีลูกน้อยที่เกิดมาแล้วเลี้ยงง่าย กินง่าย อยู่ง่าย ไม่ค่อยแค่ แทบจะบอกว่าเป็นโชคดีทีเดียว ที่ทำให้พ่อแม่หรือคนเลี้ยงดูไม่ต้องเหนื่อยมาก แต่หลายบ้านไม่ค่อยเจอลูก ๆ ที่เป็นแบบนี้เท่าไหร่ เจอแต่ปัญหาว่าลูกเลี้ยงยาก ทำยังไงดีนะ ทำเอาพ่อแม่มือใหม่ต้องปรับตัวกันมากโขทีเดียว หากเจอเจ้าต้วน้อยงอแงโยเย พยายามทำนู่นนั่นนี่ให้แล้ว เอาใจสารพัดก็ยังไม่หยุดร้อง หาสาเหตุจากอาการอื่น ๆ ก็ไม่มี หรือเด็กบางคนไม่ยอมกินข้าว เล่นเอาพ่อแม่เพลีย ลูกบ้านอื่นเป็นแบบนี้เหมือนกันไหม ลองมาเช็กดูกันหน่อยไหม ว่าลูกเราเลี้ยงยากหรือเลี้ยงง่ายกันนะ ลูกเลี้ยงยาก vs. เลี้ยงง่าย พฤติกรรมลูกเลี้ยงง่าย เด็กเลี้ยงง่ายหรือที่เรียกว่า easy child จะเกิดมามีพฤติกรรมที่กินง่าย นอนง่าย ขับถ่ายเป็นเวลา พูดง่าย ฟังรู้เรื่อง ไม่แสดงอาการหงุดหงิดงอแง อารมณ์ดี เมื่อพบกับคนแปลกหน้าหรือพาไปสถานที่แปลกใหม่ก็ใช้เวลาไม่นานในการปรับตัวได้ พฤติกรรมแบบนี้ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เกิดขึ้นตลอดทั้งวัน แต่ก็พอจะทำให้คุณแม่ได้หายเหนื่อย ได้พักผ่อน และช่วยให้ไม่เครียดได้บ้าง พฤติกรรมลูกเลี้ยงยาก คุณแม่อาจจะเหนื่อยหน่อ...

ฝึกลูกให้เป็นเด็ก 2 ภาษาตั้งแต่อยู่ในครรภ์

Image
12 เทคนิคฝึกลูกให้เป็นเด็ก 2 ภาษาเริ่มตั้งแต่ในท้อง   มีดังนี้ 1.ตั้งแต่อยู่ในท้อง ให้ฟังเพลงที่เป็นภาษาอังกฤษ  หรือ การ์ตูน เพื่อให้ทารกคุ้นชินกับสำเนียง 2.เมื่อลูกคลอดให้ตกลงกันในครอบครัว  ว่าใครจะเป็นคนพูดภาษาอังกฤษกับลูก อาจกำหนดให้พูดอังกฤษกับลูกเท่านั้นทุกวันห้ามพูดไทย ส่วนคนอื่นที่อยู่ในบ้านก็ให้พูดไทยตามปกติ หรือกำหนดวันใน 1 สัปดาห์เลือกพูดภาษาอังกฤษมาสัก 1 วัน ให้ลูกคุ้นชินกับภาษาและสำเนียงอย่างเป็นธรรมชาติ 3.สามารถฝึกลูกได้ตั้งแต่แรกเกิด-7ขวบ  เพราะเด็กวัยหลัง 7 ขวบ จะค่อนข้างสอนยากและยังได้รับการสอนมาจากโรงเรียนแล้ว ถ้ามาเริ่มพูดภาษาอังกฤษกับลูกตอนโตลูกอาจสับสนและต่อต้านได้ 4.ถ้าต้องการให้ลูกพูดสำเนียงเหมือนต่างชาติก็ต้องพูดกับลูกให้ถูกหลัก  ให้ถูกสำเนียง เพราะช่วงวัยเด็ก เด็กจะจดจำและจะแก้ไขยากมาก ถ้าพูดสำเนียงไทยกับลูก ลูกก็จะพูดภาษาอังกฤษสำเนียงไทย 5.พูดทุกวัน ด้วยคำที่ใช้ในชีวิตประจำวัน  เช่น นั่ง ยืน กิน นอน ไป มา อาบน้ำ แต่งตัว ห้ามแปลเด็ดขาด สิ่งเหล่านี้คุณต้องพูดทุกวันอยู่แล้วลูกจำได้แน่นอน พูดแบบนี้ไปเรื่อ...

8 พัฒนาการแรก...เวลามหัศจรรย์วัยเบบี๋

Image
รอยยิ้มแรก         แม่มือใหม่หลายคนออกอาการเป็นปลื้ม เมื่อเห็นเจ้าตัวเล็กวัยไม่กี่วันยิ้มแย้มให้ การยิ้มตอบทักทายของลูก แท้ที่จริงแล้วไม่ได้มาจากการที่ลูกจำคุณได้หรือกำลังอิ่มเอมเปรมปรีดิ์กับสิ่งใด เพราะที่มาของรอยยิ้มนั้นเกิดจากการที่กล้ามเนื้อใบหน้าหดตัวหรือกล้ามเนื้อกระตุกนั่นเอง         ขณะที่ยิ้มแรกของลูกที่สื่อความหมายจริง ๆ จะเกิดขึ้นตอนอายุ 1-2 เดือน เมื่อลูกได้ยินเสียงที่คุ้นเคย พึงพอใจกับสิ่งใด กระทั่งกลิ่นนมของแม่ที่เจ้าตัวเล็กจำได้ก็เรียกรอยยิ้มได้เหมือนกันค่ะ คว่ำได้หงายเอง         แล้วก็ได้เวลาที่เจ้าตัวน้อยจะเห็นโลกในมุมที่ต่างไปจากเดิม หลังจากที่นอนหงาย สอดส่าย สายตาไปทางไหนก็มองเห็นแต่หลอดไฟ โมบายและเพดานห้องมากกว่า 4 เดือน เจ้าหนูเริ่มมีกล้ามเนื้อบริเวณลำตัวที่แข็งแรงพอจะตะแคงตัว เคลื่อนไหวด้วยตัวเองได้บ้างแล้ว หลังจากพยายามตะแคงตัวไปทางซ้าย ไปทางขวา ในที่สุดก็สามารถพลิกคว่ำได้สำเร็จ และเห็นโลกในมุมกลับ คืบ เริ่มเคลื่อนไหว    ...

สัมภาษณ์พี่เลี้ยงเด็กอย่างไรให้ได้คน"ดี" จริง?

Image
เริ่มแรกจากการนัดสัมภาษณ์  พี่เลี้ยงเด็ก   ทันทีที่มีคนต้องการสมัครในตำแหน่ง พี่เลี้ยงเด็ก ที่พ่อแม่ต้องการอยู่ การนัดสัมภาษณ์ในวันและเวลาที่สะดวกทั้งสองฝ่ายเป็นสิ่งจำเป็น อีกประการหนึ่ง พ่อแม่ควรพาลูก ๆ มาร่วมฟังการสัมภาษณ์ เพื่อที่จะได้สังเกตอากัปกิริยาของผู้สมัครว่ามีต่อเด็ก ๆ อย่างไร และคุณอาจได้ความเห็นจากลูก ๆ ของคุณเองในฐานะเป็นกรรมการที่ดีที่จะช่วยตัดสินผลในครั้งนี้อีกด้วย\ แนวคำถามที่อาจเกิดขึ้นในการสัมภาษณ์ คำถามเกี่ยวกับเรื่องราวส่วนตัว 1. ขอข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ ที่อยู่ อายุ เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ หลักฐานการศึกษา การอบรมเพิ่มความรู้ หรือผู้ที่แนะนำให้มาสมัคร 2. กิจกรรมยามว่างที่คุณชอบทำคืออะไร 3. ขอให้ช่วยบอกเล่า ความสามารถในการเตรียมอาหารสำหรับเด็ก, การอาบน้ำให้เด็ก และการพาเด็กเข้านอน 4. ขอให้ช่วยเล่าถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดที่คุณเคยพบมากับการเป็น พี่เลี้ยงเด็ก  และสอบถามด้วยว่า ผู้สมัครผ่านเหตุการณ์เหล่านั้นมาได้อย่างไร คำถามเกี่ยวกับประสบการณ์ในอดีต 1. ช่วยบอกเล่าประสบการณ์การเลี้ยงเด็กที่คุณมีให้พวกเรา (พ่อแม่) ได้ฟังหน่อย 2. คุณเคยรับดูแลเด...

หน้าที่พื้นฐานสำคัญของพี่เลี้ยงเด็ก

Image
หมอสรุปหน้าที่พื้นฐานสำคัญของ  พี่เลี้ยงเด็ก  ได้ดังนี้ 1.        ดูแลให้เด็กปฏิบัติตามกิจวัตร                                                                        พี่เลี้ยงเด็กมีหน้าที่ดูแลและช่วยเหลือให้ด็กดำเนินชีวิตประจำวันอย่างราบรื่น และเหมาะสมกับพัฒนาการตามวัยของเด็ก กิจวัตรปะจำวัน เริ่มตั้งแต่ตื่นนอน อาบน้ำ ทำความสะอาดร่างกาย การแต่งกาย การให้นม การให้อาหาร การขับถ่าย การนอน ทั้งนี้เมื่อเด็กเริ่มโตขึ้น พี่เลี้ยงเด็ก ควรลดการช่วยเหลือในการทำกิจวัตรประจำวัน ลง พร้อมกับเปิดโอกาสให้เด็กได้ลองทำสิ่งต่างๆด้วยตนเอง เพื่อเสริมสร้างทักษะการช่วยเหลือตนเองและความมั่นใจในตนเอง 2. ...

คุณสมบัติของพี่เลี้ยงเด็กยุคนี้

Image
พี่เลี้ยงเด็ก   มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของลูกทั้งทางร่างกาย จิตใจอารมณ์ สังคม ภาษาและความฉลาดสติปัญญา  ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่จำเป็นต้องเลือกเฟ้นพี่เลี้ยงให้ได้บุคคลที่มีคุณสมบัติดีเยี่ยม เพื่อให้สามารถเลี้ยงดูลูกน้อยได้อย่างมีคุณภาพรอบด้าน คุณสมบัติจำเป็นของพี่เลี้ยงเด็กยุคนี้ 1.       มีบุคลิกความเป็นผู้ใหญ่ มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ที่มั่นคงและควรมีอายุมากกว่า 20 ปีขึ้นไป 2.       สุขภาพร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง ไม่มีโรคติดต่อ โดยควรได้รับการตรวจสุภาพและมีใบรับรองแพทย์ประกอบเป็นหลักฐาน 3.       สุขภาพจิตดี ไม่เป็นคนวิกลจริต โรคจิต โรคประสาท 4.       ไม่มีประวัติอาชญากรรม หรือได้รับโทษทางกฏหมาย 5.       ไม่มีประวัติกระทำผิดต่อเด็กหรือล่วงละเมิดต่อเด็ก 6.       มีความประพฤติดี ไม่ทำผิดศีลธรรมอันดีของสังคม 7.    ...

ตัดสินใจจะจ้างพี่เลี้ยงเด็กอย่างไรดี

Image
การจ้าง  พี่เลี้ยงเด็ก  มาช่วยดูแลลูกของเราในช่วงที่เราไปทำงาน หรือจะดูแลลูกของเราเองนั้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย บางบ้านจ้างพี่เลี้ยงเด็กมาเพื่อคอยช่วยคุณแม่ (ซึ่งเลี้ยงลูกเอง) เท่านั้น ขอให้เข้าใจไว้ว่า ไม่มีใคร เลี้ยงลูกของเราได้ดีเท่าตัวเราเอง ไม่มีใครรักลูกของเราเท่าตัวเราเอง และไม่มีใครใส่ใจลูกของเราได้ดีเท่าตัวเราเอง การปล่อยให้คนอื่นมาดูแลลูกของเราเหมาะสมหรือไม่ อันนี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของแต่ละครอบครัว นอกจากนั้นยังขึ้นอยู่กับความคิดของพ่อแม่เองด้วยว่า เลือกว่าอะไรเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต ช่วงเวลาที่มีความสุขของการเป็นพ่อแม่คน น่าจะเป็นช่วงเวลาที่เราได้อยู่ดูแลเขาตั้งแต่วัยแรกเกิดจนเติบใหญ่ ช่วงเวลาเหล่านี้ไม่สามารถหาอะไรมาทดแทนได้อีก ต่อให้เอาเงินทองมากมายมากองท่วมหัวก็ไม่อาจจะ ย้อนเวลาเหล่านั้นไปได้ ช่วงเวลาแห่งรอยยิ้มและความสุขของผู้เป็นพ่อและแม่ที่มีเพียงพ่อและแม่เท่านั้นที่จะเข้าใจถึงความรู้สึกนี้ไม่อาจจะย้อนคืนกลับมาได้อีก ดังนั้นขอให้เก็บรักษาช่วงเวลาเหล่านี้ไว้ให้ดีนะคะ หากสนใจหาพี่เลี้ยงเด็ก สามารถติดต่อสอบถามปรึกษาเรื่อง พี่เลี้ยงเด็ก,  ...

เราควรเตรียมตัวอย่างไร เมื่อจะจ้างพี่เลี้ยงเด็กสักคน

Image
ไม่ว่าเราจะจ้าง  พี่เลี้ยงเด็ก  แบบใด เราควรเตรียมสิ่งเหล่านี้ให้พร้อมก่อนตัดสินใจว่า ที่พักอาศัย : สำหรับกรณีจ้างพี่เลี้ยงเด็กแบบให้พักอยู่ในบ้านของเราเลย เราต้องเตรียมห้องพักที่แยกเป็นสัดส่วนชัดเจน อาหาร : โดยปกติหากเป็นการจ้างแบบให้พักอยู่ในบ้านของเราเลย เราควรจะจัดหารอาหารให้พี่เลี้ยง 3 มื้อ แต่หากเป็นกรณีไปเช้ากลับเย็น ก็จัดหาอาหารแค่ 1 มื้อก็เพียงพอ วันเวลาการทำงาน : โดยเฉลี่ยพี่เลี้ยงเด็กมีสิทธิที่จะหยุดงานได้ 1 วันต่อสัปดาห์ (ทำงานประมาณ 8 ชั่วโมงต่อวัน) ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการตกลงระหว่างเราและตัวพี่เลี้ยงเด็กเอง ส่วนวันหยุดสำคัญต่างๆ ประจำปี อื่นๆ ก็ขึ้นอยู่กับการตกลงกันระหว่างพ่อแม่และพี่เลี้ยงเด็ก ค่าจ้างและสวัสดิการต่างๆ : ควรกำหนดวันที่จะจ่ายเงินค่าจ้าง (เงินเดือน) อย่างชัดเจน และตัวเราเองก็ควรจะตรงต่อเวลาด้วย ส่วนอัตราว่าจ้างนั้น ขึ้นอยู่กับการตกลงระหว่างฝ่ายพ่อแม่และพี่เลี้ยง เด็ก ข้อควรระวัง : ในวันที่เราเรียกพี่เลี้ยงเด็กมาสัมภาษณ์พูดคุย ไม่แนะนำให้คุยที่บ้านโดยตรง เพราะหากเราไม่ต้องการจ้างเขาทำงาน เราจะได้สบายใจเรื่องความปล...

พี่เลี้ยงเด็ก แบบอยู่ประจำ VS มาเช้าเย็นกลับ

Image
หากเราตัดสินใจเลือก  พี่เลี้ยงเด็ก  ได้แล้ว ลำดับต่อมาก็คือ เราจะให้เขาทำงานในลักษณะไหน แบบพักอยู่ประจำกับเรา (นอนพักในบ้านของเราเลย) หรือจะให้เขามาทำงานตอนเช้าและกลับไปตอนเย็น ซึ่งข้อดีของการ จ้างแบบอยู่ประจำที่บ้านของเราคือ ตัดปัญหาเรื่องการเดินทางมาไม่ทันทำงานของพี่เลี้ยงได้ เมื่อพี่เลี้ยงไม่เหนื่อยกับการเดินทาง ก็สามารถดูแลเลี้ยงลูกของเราได้อย่างเต็มที่ ตัดปัญหาพี่เลี้ยงลากิจ ลาป่วยแบบไม่ทันตั้งตัว เพราะพี่เลี้ยงเด็กบางคนอาจจะเผลอเกเร หยุดงานเราไปดื้อๆ แต่การที่เราให้พี่เลี้ยงมาพักอาศัยอยู่ในบ้านของเรา อาจจะต้องตรวจสอบประวัติมากเป็นพิเศษ เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินภายในบ้านของเรา ในกรณีที่เราจ้างแบบมาเช้ากลับเย็น เพราะอาจจะไม่สะดวกเรื่องที่พัก ก็ต้องตกลงกันให้ดีว่า จะให้เริ่มงานและเลิกงานกี่โมง เพื่อให้ทางพี่เลี้ยงเด็กได้จัดสรรเวลาได้ และเมื่อตกลงเวลาเริ่มและเลิกงานแล้ว พ่อแม่ก็ควร จะปฏิบัติตัวเองให้ตรงต่อเวลาด้วย เพราะหลายครั้งที่ตัวพ่อแม่เองมักจะกลับมาบ้านสาย ทำให้พี่เลี้ยงเด็กต้องเลี้ยงลูกเราต่อไปอีกหลายชั่วโมง ซึ่งหากเป็นบ่อยๆ จะทำให้พี่เลี้ยงเด็กที่...

คุณแม่สมัยใหม่ควรจ้างพี่เลี้ยงเด็กมาเลี้ยงลูกดีหรือไม่

Image
 ด้วยภาวะเศรษฐกิจที่บีบคั้นในยุคปัจจุบันทำให้พ่อแม่ในสมัยนี้ มักจะ ต้องออกไปทำงานนอกบ้านเพื่อหาเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายภายในบ้าน ทำให้จำเป็นต้องฝากลูกรักสุดดวงใจให้ไว้กับคนอื่นช่วยดูแลในช่วงเวลาทำงาน แต่ผลร้ายที่ตามมาแบบยากจะแก้ไขที่น่าหนักใจมากกว่ามีเงินใช้จ่ายใน บ้านน้อยลง นั้นคือการที่ลูกของเราอาจจะไม่ได้รับการเลี้ยงดู และช่วยส่งเสริมพัฒนาการที่ดี เพราะ  พี่เลี้ยงเด็ก  ที่จ้างมานั้นขาดความรู้และความเข้าใจเรื่องพัฒนาการของเด็กนั้นเอง           โดยส่วนใหญ่เมื่อพ่อแม่ต้องออกไปทำงานนอกบ้าน หลายครอบครัวก็มักจะฝากลูกของตัวเองให้อยู่ในการดูแลของคุณปู่คุณย่าหรือคุณตาคุณยายหรือวงศ์ศาคณาญาติตัวเอง แต่ก็มีไม่น้อยที่เป็นครอบครัวเดี่ยว (แยก ออกมาอยู่กันเองตามประสา พ่อ แม่ ลูก) ทำให้จำเป็นต้องเลือกที่จะใช้บริการจ้างพี่เลี้ยงเด็กหรือบางครั้งอาจจะต้องไปฝากไว้ที่ศูนย์เลี้ยงเด็ก (Nursery) ซึ่งการจ้างคนมาดูแลลูกของเรา ไม่ว่าจะเป็นพี่เลี้ยงเด็กแบบอยู่ ประจำหรือแบบมาเช้ากลับเย็นหรือไปฝากที่ศูนย์เลี้ยงเด็กก็ตาม สิ่งที่เราควรให้ความสำคัญคือมาตราฐานของพี่เลี้ยง...

พี่เลี้ยงเด็ก แบบไหนที่ควรค่าแก่การไว้ใจ

Image
 การเลือก  พี่เลี้ยงเด็ก  ไม่ควรมองแค่ว่า สามารถดูแลลูก ป้อนข้าว อาบน้ำ ใส่เสื้อผ้า เอาเข้านอนเท่านั้นนะคะ เพราะ เด็กในวัย 1 - 3 ขวบ เป็นวัยที่ต้องได้รับการเรียนรู้หลากหลายด้าน รวมถึงพัฒนาการด้านต่างๆ ที่ต้องได้รับการพัฒนา ดังนั้น พี่เลี้ยงซึ่งเป็นบุคคลที่ใกล้ชิดลูก ควรอย่างยิ่งที่ต้องมีความสามารถและความรู้ที่ช่วยกระตุ้นและส่งเสริมพัฒนาการของลูกคุณได้ค่ะ  สังเกตได้จากภายนอก อย่างที่โบราณว่าค่ะ บุคลิกดี มีชัยไปกว่าครึ่ง เพราะบุคลิกเป็นสิ่งสำคัญขั้นแรกที่พ่อแม่ต้องพิจารณา ซึ่งสังเกตการแต่งกาย ว่าเขาแต่งตัวเรียบร้อย ดูสะอาดตา ไม่ประดิดประดอยร่างกายหรือเครื่องแต่งกายตัวเองมากจนเกินงาม ไม่มีโรค ป่วยไข้ ที่สำคัญ ต้องรู้จักรักษาความ ซึ่งก็วางใจได้ว่า ลูกจะได้รับการดูแลที่ดี สะอาดสะอ้าน และรู้จักรักษาระเบียบวินัย สังเกตจากปฏิกิริยาของลูก คุณแม่อาจลองปล่อยให้ลูกคุยหรือเล่นกับพี่เลี้ยงสักพัก แล้วลองสังเกตการแสดงออกของลูกที่มีต่อพี่เลี้ยงว่าเป็นอย่างไร เพราะอย่างน้อยๆ ก็น่าจะเป็นแนวทางหนึ่งให้ตัดสินใจได้ คุณแม่เองอาจจะลองถามลูกว่า “พี่เขาคุยเรื่องอะไรกับลูกคะ” หรือ “...