Posts

Showing posts from November, 2018

เด็กแต่ละวัย .... นอนแตกต่างกันอย่างไร?

Image
วัยทารก   วัยนี้จะมีภาวะหลับตื่นสลับกันไปตลอดทั้งวัน แต่เมื่ออายุได้ประมาณ 4 เดือนจะเริ่มหลับกลางคืนได้ยาวประมาณ 6 ชั่วโมงและเมื่ออายุ 6 เดือนจะสามารถหลับได้นานถึง 10 ชั่วโมงแต่ก็ยังสามารถตื่นได้ในระหว่างการนอนหลับ ซึ่งทารกบางคนสามารถกลับไปหลับต่อได้ด้วยตัวเอง แต่บางคนต้องการการกล่อมจึงจะหลับต่อได้ วัยเรียน   วัยนี้ต้องการการนอนประมาณ 9 - 12ชั่วโมง ซึ่งเด็กแต่ละคนอาจต้องการจำนวนชั่วโมงในการนอนแตกต่างกัน คุณพ่อคุณแม่สามารถสังเกตว่าลูกนอนพอหรือไม่ได้จากพฤติกรรมของลูกระหว่างวัน เช่น สามารถปลุกตื่นได้ง่าย ไม่ผล็อยหลับตอนกลางวัน (ถามได้จากคุณครู) และเมื่อเข้านอนสามารถหลับได้ภายใน 15 - 30 นาที วัยรุ่น   วัยนี้ต้องการเวลานอน 8 -10 ชั่วโมง แต่ลักษณะการนอนของเด็กวัยนี้จะเปลี่ยนไปจากวัยเรียน  โดยที่วัยรุ่นจะเข้านอนดึกและตื่นสายซึ่งเป็นภาวะปกติเมื่อเด็กเข้าสู่วัยรุ่น ดังนั้นในช่วงเปิดเทอมที่วัยรุ่นต้องมาโรงเรียนในตอนเช้าจะมีผลทำให้วัยรุ่นนอนไม่พอได้บ่อย และอาจกระทบต่อการเรียนของเขา และวัยรุ่นมักจะมานอนชดเชยในวันหยุด หากสนใจหาพี่เลี้ยงเด็ก สามารถติดต่อสอบถาม...

7 นิสัยสร้าง EQ ของคุณลูก

Image
นอกจาก IQ ดีๆ ของลูกที่คุณแม่ใฝ่ฝันแล้ว การเลี้ยงลูกที่ดีต้องฝึกให้ลูกมี EQ (Emotional Quotient) ที่ดีควบคู่กันไปด้วย และทุกอย่างเริ่มต้นได้จากที่บ้านนั่นเอง เมื่อพ่อแม่อยากให้ลูกๆ มี  EQ ที่ดี ลองเริ่มจาก.. พ่อแม่ต้องอารมณ์ดีก่อน  เพราะพ่อแม่ คือคนที่อยู่ใกล้ชิดลูก คือตัวอย่างที่ดีที่สุดของลูก หากพ่อแม่เอาแต่เกรี้ยวกราด โมโห เหวี่ยงใส่ลูกบ่อยๆ ลูกก็จะซึมซับอารมณ์ที่ว่านี้ไปจากพ่อแม่ เมื่อโตขึ้นจะกลายเป็นเด็กที่มีอารมณ์รุนแรง เกรี้ยวกราดง่าย แต่ถ้าคุณแม่อยากให้เขาเป็นเด็กที่มี EQ ดี ยิ้มแย้ม มีความสุข ก็ต้องเริ่มต้นจากพ่อแม่ที่อารมณ์ดี พูดคุยกับลูกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ใจเย็นกับลูก แล้วลูกจะเป็นเด็กอารมณ์ดีไปด้วย ให้ลูกรู้ว่าตัวเองมีความสามารถพิเศษ หรือถนัดอะไร แล้วคอยให้กำลังใจ  แน่นอนว่าลูกๆ อาจยังไม่รู้ว่าตัวเองมีความสามารถพิเศษด้านไหน คุณพ่อ คุณแม่ต้องคอยดูแลและสังเกตอย่างใกล้ชิด ถ้าเห็นว่าลูกชอบวาดรูป แม้จะยังไม่สวย หรือดูไม่ค่อยออกว่าวาดเป็นรูปอะไร แค่ลูกจับดินสอหรือระบายสีเป็นประจำ ขอให้คุณพ่อ คุณแม่ลองสนับสนุนหรือช่วยแนะนำให้ลูกค่อยๆ วาดเป็นรูปเป็นร่าง แ...

โลกจินตนาการ เรื่องที่เด็กๆมักแยกไม่ออกจากความเป็นจริง

Image
เพราะเด็กในวัย 4 - 6 ปีนี้เป็นวัยที่ช่างจินตนาการ และชอบเลียนแบบจากสิ่งที่ได้พบเห็น แต่จะเป็นอย่างไร หากเด็ก ๆ ของเรายังไม่สามารถแยกแยะระหว่างโลกแห่งความจริงและโลกแห่งจินตนาการได้ พื้นฐานความคิดและจินตนาการของเด็กวัยนี้ - เด็ก ๆ มักจะคิดว่า อะไรที่เคลื่อนไหวได้ล้วนมีชีวิต (Animism) - เด็ก ๆ มีความคิดเชิงเวทมนตร์ (Magical thinking) คือจะมีจินตนาการแนวแฟนตาซีเกินจริง - เด็ก ๆ มักคิดว่าเหตุการณ์สองอย่างที่เกิดขึ้นพร้อมกัน เกี่ยวข้องเป็นเหตุเป็นผลกัน (Phenominalistic Causality) เป็นพื้นฐานของการคิดเชื่อมโยง - เด็ก ๆ มักเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง (Egocentric) ตัวเอกของหนังสือที่เขาชอบก็คือตัวเขานั่นเอง การจินตนาการและการสร้างเรื่องจะพบมากในเด็กวัยนี้ เด็กจะชอบคิดฝันและชอบเล่นสมมติเป็นชีวิตจิตใจ เด็กมักลอกเลียนเรื่องราวในชีวิตจริงที่ได้พบเห็นและนำมาสู่โลกสมมติ เช่น เป็นครู นักเรียน พ่อ แม่ ฯลฯ หรือบางครั้งก็ลอกเลียนจากเรื่องราวที่ตนได้ยินได้ฟังจากนิทาน เพียเจย์ นักจิตวิทยาท่านหนึ่งเคยกล่าวไว้ว่า การเล่นสมมติจะทำให้ผู้เล่นเกิดความรู้สึกพึงพอใจในตัวเอง ในการเปลี่ยนความจริงให้เป็น ควา...

จะสื่อสารกับผู้ให้การดูแลเด็กอย่างไร?

Image
เพื่อให้สามารถรับรู้ความคืบหน้าของลูกระหว่างอยู่ที่สถานรับเลี้ยงเด็ก หรือเพื่อส่งเสริมทักษะทีได้เรียนจากที่โรงเรียนมาทำที่บ้านแล้วนั้น พ่อแม่จะต้องมีการสื่อสารกับผู้ให้ความดูแลเด็กหรือคุณครูที่โรงเรียนเตรียมอนุบาลอย่างมีประสิทธิภาพ อันที่จริงแล้ว พ่อแม่ทุกคนที่ส่งลูกไปอยู่ที่สถานรับเลี้ยงเด็กในตอนกลางวัน โรงเรียนเตรียมอนุบาลหรือให้อยู่กับผู้ดูแลที่ลักษณะคล้ายๆ กันนี้ควรจะต้องสงสัยว่ามีกิจกรรมใดที่เกิดขึ้นกับชีวิตของลูกที่พวกเขาได้พลาดไปบ้างระหว่างวัน พ่อแม่มีความต้องการอยากรู้ และกังวลที่ไม่สิ้นสุดแม้แต่ในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตของลูก ดังนั้นการสื่อสารกับผู้ให้การดูแลเด็กจึงไม่ได้ทำให้พ่อแม่รับรู้ถึงกิจกรรม และพฤติกรรมของเด็กที่เกิดขึ้นระหว่างวันเท่านั้น แต่ยังทำให้พ่อแม่สามารถส่งเสริมให้เด็กนำสิ่งที่ได้รับจากโรงเรียนมาต่อยอดให้ดีขึ้นอีกด้วย วิธีการที่ดีที่สุดในการสื่อสารกับผู้ให้ความดูแลเด็ก ไม่มีวิธีที่ชัดเจนในการจะสื่อสารกับผู้ให้การดูแลเด็กให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ในความจริงแล้ว ผู้ให้การดูแลเด็กหลายคนก็ได้เริ่มกระบวนการที่พวกเขาจะแน่ใจว่าตนเองได้ให้ข้อมูลกับพ่อ...

การพูดคุยกับลูกช่วยให้ทักษะด้านภาษาของลูกดีขึ้น

Image
เชื่อว่าหลายๆบ้านอาจใช้วิธีการเล่านิทานให้ลูกฟังก่อนนอน เพื่อเป็นการฝึกนิสัยรักการอ่านให้กับลูกน้อย แต่นักวิจัยเผยว่าหากอยากให้ทักษะทางด้านภาษาของลูกเก่งขึ้น อย่ามัวแต่เล่านิทานให้เขาฟังเพียงอย่างเดียวนะคะ คุณพ่อคุณแม่ควรพูดคุยและให้โอกาสเขาเป็นผู้พูดไปพร้อมๆกับการเป็นผู้ฟังด้วย จะช่วยพัฒนาด้านภาษาเร็วขึ้นกว่า 6 เท่าเลยทีเดียว.. ก่อนที่จะมีการวิจัยครั้งนี้ออกมา คุณพ่อคุณแม่หลายครอบครัวมักเข้าใจกันว่า การที่พวกเขาซื้อหนังสือนิทานมาอ่านให้ลูกฟังก่อนนอน หรือเล่าเรื่องอะไรก็ตามนั้น จะเป็นวิธีหนึ่งที่ลูกได้ซึมซับในเรื่องของภาษาไปในตัว ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว หากลูกไม่ได้มีการโต้ตอบ พัฒนาการทางด้านภาษาของลูกก็อาจไม่ดีเท่าที่ควรค่ะ ดร. Frederick Zimmerman นักวิจัยจาก UCLA School of Public Health ใน California และทีมงานแนะว่า การที่เด็กได้ฟังนิทานก่อนเข้านอน แม้ว่าพวกเขาจะได้ทั้งภาษาและจินตนาการ แต่ทักษะการพูดและการใช้ภาษาของเขาจะได้ประโยชน์น้อยกว่าการที่เขาได้เป็นผู้พูดเอง ซึ่งการที่คุณพ่อคุณแม่เปิดโอกาสให้ลูกเล่าเรื่องราวต่างๆ หรือให้เขาพูดในสิ่งที่เขาต้องการจะพูด แม้จ...

สมาธิสั้น ใกล้ตัวเด็กกว่าที่คิด

Image
อาการเด็กสมาธิสั้น การจะรู้ว่าเจ้าตัวเล็กเป็นโรคสมาธิสั้นหรือไม่ นอกจากต้องสังเกตจากลักษณะอาการที่ปรากฏแล้ว ยังจำเป็นจะต้องพิจารณาจากระยะเวลาที่เป็น และสถานที่ที่เด็กมีอาการ กล่าวคือ อาจมี (A) หรือ (B) (A) หากเด็กมีอาการต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ ต้องมี 6 ข้อ (หรือมากกว่า) ของอาการขาดสมาธิ ติดต่อกันเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 6 เดือน โดยที่อาการต้องถึงระดับที่ผิดปกติและไม่เป็นไปตามพัฒนาการตามวัยของเด็ก ได้แก่ อาการขาดสมาธิ (Inattention) คือ มักไม่สามารถจดจ่อกับรายละเอียดหรือไม่รอบคอบเวลาทำงานที่โรงเรียนหรือทำกิจกรรมอื่น มักไม่มีสมาธิในการทำงานหรือการเล่น มักดูเหมือนไม่ได้ฟังสิ่งที่คนอื่นพูดกับตนอยู่ มักทำตามคำสั่งได้ไม่ครบ ทำให้ทำงานในห้องเรียน งานบ้าน หรืองานในที่ทำงานไม่เสร็จ (โดยไม่ใช่เพราะต่อต้าน หรือไม่เข้าใจ) มักมีปัญหาในการจัดระบบงานหรือกิจกรรม ทำงานไม่เป็นระเบียบ มักเลี่ยงไม่ชอบหรือไม่เต็มใจในการทำงานที่ต้องใช้ความคิด (เช่น การทำการบ้านหรือทำงานที่โรงเรียน) มักทำของที่จำเป็นในการเรียนหรือการทำกิจกรรมหายบ่อยๆ (เช่น อุปกรณ์การเรียน) มักวอกแวกไปสนใจสิ่งเร้าภายนอก...

การเลือกรองเท้าให้ลูกน้อย

Image
ทำไมเด็กเล็กจึงควรใส่รองเท้า หากการเดินเท้าเปล่าของเด็กๆในบ้านเป็นเรื่องที่ค่องข้างจะปลอดภัย แต่หากไปทำเช่นนี้เมื่ออยู่นอกบ้าน มันก็จะทำให้ฝ่าเท้าเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ ไหนจะพยาธิ นอกจากนี้มันก็อาจทำให้ฝ่าเท้าสัมผัสกับแบคทีเรียที่อันตรายและทำให้เกิดการติดเชื้อ ควรป้องกันอันตรายให้กับฝ่าเท้าอันบอบบางของเด็กๆกันดีกว่า การเลือกรองเท้าให้ลูกน้อย ในระยะแรกเริ่มหัดเดินลูกน้อยจะใช้ปลายเท้ารองรับน้ำหนัก ดังนั้นช่วงนี้จึงไม่จำเป็นต้องสวมรองเท้าให้ลูก แต่หลังจากที่เจ้าตัวเล็กฝึกเดินจนคล่อง คุณพ่อคุณแม่ต้องเลือกรองเท้าคู่แรกให้เจ้าตัวเล็กสวมแล้วล่ะ ลองมาพิจารณาคุณสมบัติรองเท้าคู่แรกตามเช็กลิสต์ต่อไปนี้กันค่ะ   พื้นเรียบ ทำด้วยวัสดุนุ่ม เบา ยืดหยุ่นได้ดี มีรูระบายอากาศ ไม่คับหรือหลวมจนเกินไป ควรยาวกว่าเท้าลูกประมาณครึ่งนิ้ว เลือกรองเท้าที่มีขอบหุ้มถึงข้อเท้า เพื่อช่วยรองรับให้เท้าคงรูป ไม่ควรเลือกรองเท้าที่มีเชือกผูก เพราะอาจจะทำให้สะดุดล้มได้  หากสนใจหาพี่เลี้ยงเด็ก สามารถติดต่อสอบถามปรึกษาเรื่อง  พี่เลี้ยงเด็ก ,  พี่เลี้ยงฟิลิปปินส์  ได้ที่ เว็บไซต์ : http...

พูด(ติด)อ่าง เกิดขึ้นได้อย่างไร

Image
อาการพูด ติดอ่าง ของเด็กเกิดได้จากหลายๆ สาเหตุค่ะ ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ต้องลองสังเกตดูหน่อยว่าเจ้าตัวเล็กที่บ้านเข้าข่ายข้อใดต่อไปนี้รึเปล่า 1. จากกรรมพันธุ์  พ่อ แม่หรือคนในครอบครัวเคยพูดติดอ่างมาก่อน ก็อาจทำให้ลูกพูด ติดอ่าง ได้เช่นกันค่ะ 2. แม่มีน้องใหม่  เวลาที่มีน้องใหม่ ความรักความสนใจไปอยู่ที่น้องหมด แม่อาจจะไม่มีเวลาเล่นกับเขาได้เหมือนเคย เขาก็จะเหงาและบางทีจะรู้สึกกังวลด้วยกลัวว่าพ่อกับแม่จะไม่รักเขาเหมือนเดิม เลยส่งผลถึงการพูดของเขา หรือค้นพบว่าการพูดแบบนี้ทำให้พ่อแม่หันมาให้ความสนใจเขามากขึ้น 3. โดนแย่งพูด  พี่ น้อง หรือคนในบ้านพูดแทนหมด พอเขาจะขยับปากพูดสักคำก็โดนแย่งพูดไปหมดแล้ว ทำให้ไม่ค่อยมีโอกาสได้พูด หรือรีบพยายามจะพูดให้ทันคนอื่น เลยทำให้ติดอ่าง 4. ถูกเลี้ยงแบบบังคับ  เข้มงวด อาจสร้างความเครียดให้กับเด็ก ทำให้ขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง ไม่กล้าที่จะพูด หรือมีความกลัวเวลาพูด 5. คิดเร็วกว่าพูด  เด็กวัยนี้เป็นวัยที่กำลังหัดพูด เพราะฉะนั้นเด็กจะคิดไปไวกว่าที่ปากจะทำงาน เลยทำให้คำพูดสักคำหลุดออกมาช้ากว่าที่ใจคิด 6. เลียนแบบเพื่อน  ...

ในช่วง12เดือนแรก น้ำหนักลูกควรเป็นอย่างไร

Image
น้ำหนักลูกแรกคลอด - 3 เดือน น้ำหนักลูกจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ยเดือนละประมาณ 700 – 800 กรัม  ดังนั้นเมื่อลูกของเรามีอายุครบ 3 เดือน น้ำหนักตัวของลูกก็ควรจะเพิ่มขึ้นประมาณ 2,100 – 2,400 กรัม นับจากตอนแรกเกิด แต่ทั้งนี้เด็กบางคนก็อาจจะมีเกณฑ์เพิ่มมากหรือน้อยกว่าเกณฑ์ได้ค่ะ น้ำหนักลูกวัย 4 – 6 เดือน น้ำหนักลูกจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ยเดือนละประมาณ  500 – 600 กรัม ซึ่งจะน้อยกว่าในช่วง 1 – 3 เดือน คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องกังวลไปนะค่ะ แต่หากเด็กบางคนที่น้ำหนักตัวเพิ่มมากกว่าเกณฑ์นี้ ก็ต้องดูว่าลูกกินอะไรไปเป็นพิเศษหรือเปล่านะค่ะ น้ำหนักลูก วัย 7 – 9 เดือน น้ำหนักลูกจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ยเดือนละประมาณ  400 กรัมต่อเดือน อาจมีมากหรือน้อยกว่านี้นิดหน่อยค่ะ น้ำหนักลูก วัย 9 – 12 เดือน น้ำหนักลูกจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ยเดือนละประมาณ 300 กรัมต่อเดือนเท่านั้น น้ำหนักลูกวัย 1 ปีขึ้นไป น้ำหนักลูกจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ยเดือนละประมาณ  200 กรัม ซึ่งมีปัจจัยหลายอย่างที่จะทำให้ลูกมีน้ำหนักตัวเพิ่มมากหรือน้อยในแต่ละเดือนด้วย หากสนใจหาพี่เลี้ยงเด็ก สามารถติดต่อสอบถามปรึกษาเรื่อง...

5 อาการไอของลูก ที่คุณแม่ต้องกังวล

Image
1.  ลูกไอเวลานอนหลับ ลูกไอตอนนอนหลับ  ดิ้นไปมาเหมือนนอนหลับไม่สนิท หรือมีอาการดิ้นทุรนทุราย ไอมากจนผิดปกติ อาการไอแบบนี้ส่วนมากจะป่วยเป็นหวัด หรือการติดเชื้อไวรัส หลอดลมอักเสบ เด็กที่เป็นส่วนมากอายุตั้งแต่ 6เดือน-3ปี คุณสามารถแก้ปัญหาได้โดยการให้ออกมารับอากาศบริสุทธิ์นอกห้อง หรืออกมาจากที่เย็น ๆ สักพัก หรือดื่มน้ำอุ่น แต่ถ้าอาการไอเหมือนติดขัดหลอดลมให้รีบพาลูกส่งโรงพยาบาลค่ะ 2.  ลูกไอแบบมีน้ำมูกหรือไอแบบมีเสมหะ เกิดจากการอยู่ในที่เย็น หรือไอที่เกิดจากอาการของโรคติดต่อ อาการแบบนี้มักจะเกิดขึ้นในช่วงที่อากาศเย็นหรือเป็นในช่วงฤดูหนาว มักเกิดกับเด็กที่มีอายุระหว่าง 6เดือน-10 ปี ถ้าลูกโตแล้วก็ยังสามารถให้สั่งน้ำมูกออกมาได้เพื่อช่วยลดอาการแต่ถ้ายังเด็กมากคุณควรรู้จักวิธีล้างจมูกให้ลูกเพื่อให้ลูกหายใจได้ดีขึ้น หรือใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นซับหรือเช็ดบริเวณจมูกเพื่อให้น้ำมูกไม่เหนียวจนเกินไปค่ะ 3.  ลูกไอในตอนกลางคืน ไอแบบเหนื่อย หรือแบบหอบหืด อาจเกิดจากอาการปอดอักเสบ และถ้าไอเฉพาะตอนกลางคืนให้คิดไว้ว่าอาจเกิดจากอาการปอด เพราะเมือกเล็ก ๆ ที่อยู่ในปอดจะสร้างความคันทำให้ล...

3 เคล็ดลับแสนง่าย ให้ลูกน้อยอารมณ์ดีสดใสไปทุกๆวัน

Image
การเลี้ยงลูกจะว่าง่ายก็ง่ายจะว่ายากก็ยากเช่นกัน แต่เอาเข้าจริง เด็กทุกคนเลี้ยงไม่ยากหรอกค่ะ ถ้าคุณแม่เลี้ยงเขาด้วยความรักและเข้าใจธรรมชาติความเป็นไปของเด็ก เข้าใจอารมณ์เขาและพยายามสร้างอุปนิสัยให้เขาเป็นเด็กหัวเราะง่าย ร่าเริง ยิ้มและอารมณ์ดีบ่อยๆ แบบนี้แล้วเขาจะยิ่งกลายเป็นเด็กเลี้ยงง่ายมากสุดๆ เลยล่ะ วันนี้เราก็มี 3 เคล็ดลับแสนง่ายเลี้ยงลูกให้อารมณ์ดีสดใสไปทุกๆ วัน ทำอย่างไรบ้างนั้น มาดูกันเลย.. 1. ให้ลูกกินนมหรือกินอาหารมื้อหลักจนอิ่ม อาหารลูกน้อยไม่ว่าจะเป็นนมหรืออาหารเสริมสำหรับวัยของเขา เมื่อถึงเวลาอาหารก็ควรให้เขาได้กินจนอิ่ม คุณแม่ไม่ควรปล่อยให้เขาร้องหิวงอแงนาน ทางที่ดีแนะนำให้เตรียมชงนมและเตรียมทำอาหารไว้เนิ่นๆ เมื่อถึงเวลาอาหารหลักแล้ว อาหารนั้นจะได้อุ่นพอดีตอนที่ป้อนลูก เพราะเด็กน้อยก็เหมือนคนโตเรานี่แหละค่ะ หากเวลาหิวมากๆ แล้วไม่ได้กินอะไรเลยมักจะหงุดหงิดอารมณ์เสีย แต่เราไม่ได้ร้องไห้งอแง ผิดกับเด็กที่เมื่อเขายิ่งหิวมากก็จะยิ่งระเบิดอารมณ์ร้องไห้งอแงขึ้นมาทันใด ดังนั้น เตรียมอาหารไว้ให้เป็นเวลาทั้งอาหารเสริมและอาหารหลัก เขาจะได้กินทันทีโดยไม่ต้องรอหิวด้วยซ้ำ ร่างกาย...

ทำไมลูกทารกชอบแลบลิ้น

Image
คุณแม่หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมทารกชอบแลบลิ้น จนถึงขั้นวิตกกังวลไปต่างๆ นานาว่าเขาอาจเป็นแผลในช่องปากหรือเปล่า ลูกไม่สบายหรือเปล่า เกิดอะไรขึ้นกันแน่ วันนี้เรามีคำตอบเรื่องทารกชอบแลบลิ้นมาบอกกันค่ะ ทารกชอบแลบลิ้นเพราะ ทารกกำลังเรียนรู้อวัยวะของตัวเอง ทารกวัย 2 เดือน จะเริ่มสำรวจเเละเรียนรู้อวัยวะของตัวเอง โดยเริ่มจากการควบคุมลิ้นในระหว่างดูดนมแม่ หรือการดื่มน้ำ ทารกกำลังเล่นกับปากเพื่อทำเสียง และจะปรับเปลี่ยนเสียงไปเรื่อยๆ ตามความต้องการ ถือเป็นการเรียนรู้รูปแบบหนึ่ง ทารกกำลังเล่นน้ำลาย การเล่นน้ำลายเป็นเรื่องปกติของทารก คุณแม่ต้องคอยเช็ดน้ำลายออก อย่าปล่อยให้คางหรือคอเปียก เพราะอาจทำให้เกิดแผลจากการกัดของน้ำลายได้ ทารกกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการพูด หรือการออกเสียง สำหรับทารกที่ชอบทำลิ้นจุกปาก ไม่ใช่อาการผิดปกตินะคะ ถ้าลูกไม่ได้แสดงสีหน้าเจ็บปวดหรือร้องไห้ไปด้วย แสดงว่าทารกกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการพูด รับรองว่าเจ้าตัวน้อยของคุณแม่ต้องพูดเก่งแน่นอนค่ะ เกิดจากการเลียนแบบ มีคนมาแลบลิ้นให้ทารกเห็นจึงทำตาม ทารกส่วนมากมักจะเรียนรู้อวัยวะส่วนต่างๆ ในร่างกายตัวเอง เช่น การแลบ...

สมาธิเด็ก ฝึกได้หากมีการวางแผนที่ดี

Image
สมาธิ คือ จุดเริ่มต้นของการเรียนรู้ เมื่อเด็กมีสมาธิจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งจะทำให้เกิดการเรียนรู้และการเข้าใจสิ่งต่างๆ ได้ง่ายขึ้น ทำให้เรียนหนังสือได้ดี ซึ่งคุณพ่อคุณแม่หลายคนอาจมีความกังวล กลัวว่าลูกจะไม่มีสมาธิในการเรียน และทำให้เรียนไม่ทันเพื่อน วันนี้มีเคล็ดลับที่ช่วยฝึกสมาธิให้กับลูกน้อยมาฝากกันค่ะ 1. จัดสิ่งแวดล้อม จัดหามุมสงบที่ให้ลูกสามารถทำการบ้าน อ่านหนังสือได้โดยไม่มีเสียงดังรบกวนอยู่ใกล้ๆ ให้เสียสมาธิ เช่น การจัดบ้านให้เป็นระเบียบ ไม่วุ่นวาย ไม่มีเสียงอึกทึก เสียงทีวี เสียงเกม หรือสิ่งที่ชวนให้เสียสมาธิอยู่ใกล้ๆ เพราะเด็กจะไวต่อสิ่งเร้ามาก 2. สนับสนุนสิ่งที่เด็กชอบ หากพ่อแม่สังเกตว่าลูกเริ่มสนใจเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เช่น  เรื่องแมลง เรื่องไดโนเสาร์ พ่อแม่ควรกระตุ้นความอยากเรียนรู้ของเด็กมากขึ้น ด้วยการตั้งคำถามและข้อสงสัย แล้วท้าทายให้เด็กแสวงหาคำตอบ เช่น ค้นคว้าจากหนังสือ อินเตอร์เน็ต พาไปศึกษารายละเอียดตามพิพิทธภัณฑ์หรือแหล่งเรียนรู้ต่างๆ ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้สมาธิจดจ่อในการศึกษาเรื่องที่สนใจยาวนานขึ้นได้ 3. ทำตารางเวลาให้ลูกคุณ การฝึกวินัย และความ...

ไม่อยากให้ลูกตัวเตี้ยต้องทำแบบนี้

Image
ลูกตัวเตี้ยเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่พ่อแม่หลายคนกังวล พ่อแม่อยากเลี้ยงลูกให้แข็งแรงเติบโตสมวัยทั้งนั้น แต่ถ้าอยู่ไปๆ เจ้าตัวเล็กที่บ้านเกิดส่วนสูงหล่นเกณฑ์ ทั้งที่เมื่อก่อนส่วนสูงขึ้นปกติดี ปัญหาสำคัญเช่นนี้ รอช้าไม่ได้ค่ะ ปัจจัยการเติบโต พันธุกรรม เด็กที่เกิดจากพ่อแม่ที่ตัวเล็กมักจะมีรูปร่างเล็กตามเผ่าพันธุ์ เช่นเดียวกันกับเด็กที่เกิดจากพ่อแม่รูปร่างสูงก็มักจะสูงตามไปด้วย นอกจากนั้นพันธุกรรมยังเป็นตัวกำหนดขั้นตอนของการเจริญเติบโตด้วย สิ่งแวดล้อม ได้แก่ การรับประทานอาหารไม่เพียงพอหรือไม่ครบ 5 หมู่ การออกกำลังกาย การนอนหลับพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ รวมทั้งมีการเจ็บป่วยเรื้อรังซ่อนเร้นอยู่ เช่น เด็กเป็นหอบ หืด ต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลทุกเดือน ต้องพ่นยา ทำให้เด็กได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ และระหว่างการป่วยต้องใช้พลังงานค่อนข้างสูงอาจทำให้เด็กเติบโตได้ไม่ดี ฮอร์โมน ความผิดปกติของฮอร์โมนหลายชนิดที่อาจเป็นสาเหตุทำให้เด็กตัวเตี้ย ได้แก่ ภาวะขาดฮอร์โมนเจริญเติบโต ภาวะขาดไทรอยด์ฮอร์โมน เป็นต้น เชื้อชาติ คนเชื้อชาติตะวันตกจะมีความสูงมากกว่าทางตะวันออก ความเครียด เป็...

ฟันของเด็กเล็ก ดูแลยังไงไม่ให้ไปก่อนวัยอันควร

Image
เราจะดูแลฟันของเด็กเล็กอย่างไร การทำให้ลูกมีนิสัยในการรักษาสุขภาพปากและฟันที่ดีเป็นสิ่งสำคัญต่อสุขภาพที่คุณสามารถสอนเขาได้ โดยรวมถึงการสอนเด็กให้แปรงฟันวันละ 2 ครั้ง ใช้ไหมขัดฟันอย่างถูกวิธี ลดการรับประทานอาหารว่าง และพบทันตแพทย์อย่างส่ำเสมอ ทันตแพทย์ส่วนใหญ่จะแนะนำให้เด็กเริ่มรับการตรวจเมื่อเมื่ออายุครบ 2 ปี นอกจากจะเป็นการตรวจดูการเจริญเติบโตของฟันแล้ว ยังเป็นโอกาสของคุณในการเรียนรู้พัฒนาการของฟัน ความต้องการฟลูออไรด์ การช่วยให้เด็กรักษาความสะอาดของปากและฟันด้วยตนเอง การจัดการกับนิสัยเด็ก (เช่นการติดจุกนมหลอก) อาหารและโภชนาการ และการป้องกันความเจ็บป่วยของเหงือกและฟันอีกด้วย ควรเน้นกับเด็กว่าการพบทันตแพทย์เป็นสิ่งที่ดี โดยอธิบายให้เด็กเข้าใจว่าการไปพบทันตแพทย์เป็นประจำจะช่วยให้เรามีสุขภาพของเหงือกและฟันที่ดี ทัศนคติดังกล่าวจะสามารถช่วยเพิ่มโอกาสที่ลูกของคุณจะไปพบกับทันตแพทย์อย่างส่ำเสมอไปตลอดชีวิตของเขา เราควรจะทำอย่างไรเมื่อฟันของเด็กเริ่มขึ้น ฟันจะเริ่มขึ้นเมื่ออายุประมาณ 6 เดือน จนกระทั่ง 3 ปี ซึ่งจะทำให้เด็กมีเหงือกที่นุ่ม จนทำให้เด็กรู้สึกรำคาญ คุณอาจจะนวดเหงือกของเด็ก...

7 ของเล่น สุดยอดการพัฒนาการเด็กแรกเกิด

Image
ในเด็กแรกเกิด พวกเขาเริ่มที่จะมองเห็นได้ในระยะ 8-10 นิ้ว จริงอยู่ที่อาจจะไม่สามารถเห็นรายละเอียดของสิ่งของนั้นได้ แต่แน่นอนว่า เด็กแรกเกิดสามารถเห็นสี และชอบดูสิ่งที่เคลื่อนไหวอยู่รอบ ๆ ตัว เพราะทุกสิ่งทุกอย่างช่างดูน่าสนใจไปหมดสำหรับเด็กในวัยนี้ นอกจากคุณพ่อคุณแม่แล้วอะไรละ ที่จะเป็นสิ่งที่ช่วยเสริมพัฒนาการด้านต่าง ๆ ของพวกเขาให้ได้ดีมากยิ่งขึ้น ... ใช่แล้วละค่ะ ของเล่นเด็กนั่นเอง ซึ่งวันนี้ เราจะมาพูดถึงของเล่นที่ติดอันดับต้น ๆ ที่ได้ขึ้นชื่อว่า เป็นของเล่นที่ช่วยเสริมพัฒนาการของเด็กจริง ๆ 7 ของเล่น สุดยอดการพัฒนาการเด็กแรกเกิด   1. ของเล่นที่มีเน้นสำหรับการจับและกัดได้  เด็กในวัยนี้ยังไม่สามารถควบคุมการทำงานของมือได้ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่พวกเขาจะชอบกำมือหรือเจออะไรก็จะกำแน่นตลอดเวลา ดังนั้น เพื่อเป็นการฝึกกล้ามเนื้อมือให้แข็งแรง การหาของเล่นที่เน้นสำหรับการจับ เขย่า มีเสียง และที่สำคัญมีสีสันที่สวยงาม จึงเป็นของเล่นชิ้นแรกที่เหมาะสำหรับเด็ก ๆ ในวัยนี้ ที่สำคัญของเล่นที่ว่านี้จะต้องเป็นยางที่นิ่ม และทำจากวัสดุที่ปลอดภัยด้วย เพราะธรรมชาติของเด็กวัยนี้ นอก...

5 สาเหตุที่ทำให้ลูกของคุณเป็นเด็กขี้กลัว

Image
อารมณ์กลัวเกิดได้กับเด็กทุกคน แต่สาเหตุของความกลัวเกิดได้แตกต่างกัน อาทิ เมื่อเด็กเจอสัตว์เลื้อยคลาน หรือกิ้งกือ บางคนวี๊ดว๊าย บางคนนิ่งเฉย อีกคนกล้าเอาไม้ไปจิ้มให้กิ้งกือม้วนตัว ความกลัวของเด็กนั้นพัฒนาได้จากคุณพ่อคุณแม่และสิ่งแวดล้อมรอบตัวของลูกค่ะ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรเข้าใจกับพัฒนาการด้านความกลัวของเด็ก ๆ ก่อนนะคะ 1.ความกลัวจากการถูกขู่ เช่น เวลาลูกดื้อ พูดอย่างไรก็ไม่ฟัง คุณแม่มักใช้วิธีหลอก หรือขู่ เช่น เดี๋ยวตุ๊กแกกินตับ จนเด็กกลายเป็นคนกลัวตุ๊กแก ทั้ง ๆ ที่เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตุ๊กแกหน้าตาเป็นอย่างไร ยิ่งพ่อแม่ขู่ว่า ตุ๊กแกซ่อนอยู่ตรงโน้นตรงนี้ เค้าก็อาจได้ของแถมเป็นการกลัวการอยู่ในที่ที่ไม่คุ้นเคยหรือที่แคบ ๆ เพราะคิดว่าเจ้าตุ๊กแกตัวร้ายอาจโผล่มาเมื่อไหร่ก็ได้ 2.ความเครียด กังวล ซึ่งอาจเกิดจากพฤติกรรมของคนในครอบครัว เช่น พ่อแม่ทะเลาะกันเสียงดัง ตะโกนใส่กัน ก็ทำให้เด็กกลัวคนที่เสียงดัง ๆ เพราะเค้าจะรู้สึกไม่สบายใจเหมือนกับว่าพ่อแม่ทะเลาะกันอยู่ 3.การดูรายการโทรทัศน์ ภาพยนตร์ ที่มีภาพน่ากลัว ขนาดผู้ใหญ่ยังตื่นเต้น แล้วเด็กเล็ก ๆ ที่มีประสบการณ์น้อยกว่า แต่จินตน...

4 วิธีง่ายๆ ให้ลูกพูดแต่ความจริง

Image
โกหก โกหก โกหกเป็นเด็กเลี้ยงแกะ! คำถามไม่ได้อยู่ที่ว่าลูกชอบโกหกคุณหรือไม่ คำถามอยู่ที่ว่า เมื่อไหร่ที่ลูกจะเริ่มโกหกคุณ ลองอ่านบทความนี้แล้วคุณจะเข้าใจว่าทำไมลูกถึงโกหกในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ และคุณจะรับมือกับการที่ลูกชอบโกหกในสถานการณ์ที่อ่อนไหวเช่นนี้อย่างไร สนับสนุนให้ลูกพูดแต่ความจริง ในเมื่อคุณไม่สามารถห้ามลูกของคุณไม่ให้โกหกได้ มีหลายวิธีที่ช่วยส่งเสริมให้เขาพูดความจริงและและลดการโกหกลงได้ โดยที่: คุณเองควรพูดความจริงและซื่อสัตย์ต่อตนเองเสมอ ห้ามลงโทษลูกเมื่อเขาบอกความจริงกับคุณ อย่ากล่าวหาลูก ให้โอกาสเขาได้สารภาพในสภาพแวดล้อมที่ไม่ทำให้เขากลัว อย่าทำเหมือนว่าคุณกำลังไต่สวนลูก การซักถามเขาอย่างหนักหน่วงจะยิ่งทำให้เขาปกป้องตัวเขาเองมากขึ้น และเมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้น ลูกของคุณจะบอกเฉพาะสิ่งที่เขาคิดว่าคุณอยากได้ยินเพื่อให้เขารอดพ้นจากสถานการณ์นั้น ๆ ควรให้เกียรติลูกได้พูดความจริงและแสดงให้เขารู้ว่าคุณเคารพในความจริงที่เขาพูดและรู้สึกชื่นชมในความพยายามที่จะพูดความจริงเสมอ หากสนใจหาพี่เลี้ยงเด็ก สามารถติดต่อสอบถามปรึกษาเรื่อง  พี่เลี้ยงเด็ก ,  พี่เลี้ยงฟิลิปปิน...

7 วิธีการเลี้ยงลูกแบบผิดๆ พ่อแม่รู้แล้วอย่าทำ!

Image
1. อย่ากลัวลูกลำบาก พ่อแม่ต้องเข็มแข็งอย่ากลัวว่าลูกจะลำบาก ลูกจะอด ต้องให้เด็กได้ลองใช้ชีวิต ได้สัมผัสกับความยากลำบากดูบ้าง เมื่อลูกมีปัญหาให้เขาได้ลองแก้ไขสถานการณ์ด้วยตัวเองก่อน อย่างเพิ่งยื่นมือเข้าไปช่วย ให้ชีวิตมีอุปสรรคบ้าง เพราะถ้าพ่อแม่คอยไม่ยอมให้ลูกล้มดูบ้าง พอโตขึ้นเมื่อลูกก้าวพลาดจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ทันที 2. อย่ายัดเยียดสิ่งที่ขาดในวัยเด็กให้ลูก สำหรับพ่อแม่คนไหนที่คิดจะให้ลูกทำโน่นทำนี้ เพื่อทดแทนในสิ่งที่ขาดหายไปในวัยเด็ก ให้เลิกทำซะ อย่าไปฝังใจกับอดีตที่ผ่านมา เพราะจะทำให้ชีวิตที่เป็นของลูกกลับกลายเป็นชีวิตของพ่อแม่ เมื่อลูกมีครอบครัวเขาก็จะใช้ความคิดนี้ เอาสิ่งที่ขาดหายไปในวัยเด็กให้กับลูกเช่นเดียวกัน ถ้าลูกยอมทำก็ดีไป แต่ถ้าลูกไม่ยอมก็จะเกิดปัญหาตามมา 3. อย่าขีดเส้นให้ลูกเดิน คำว่าพ่อแม่เลือกทางที่ดีที่สุดให้ลูก เพราะเป็นสิ่งที่พ่อแม่วาดฝันไว้โดยไม่ฟังเสียงลูก ไม่ดูว่าลูกจะชอบหรือถนัดหรือไหม ทำให้เด็กมีปัญหาเรียนไม่จบบ้าง ไม่สนใจที่จะเรียนบ้าง และกลายเป็นเด็กมีปัญหาในที่สุด หากพ่อแม่บอกชี้แนะแนวทางให้ลูก โดยมีหลายๆ ทางเลือก และปล่อยให้เขาได้เลือกทาง...

ทำไมลูกชอบโกหก?

Image
โกหก โกหก โกหกเป็นเด็กเลี้ยงแกะ! คำถามไม่ได้อยู่ที่ว่าลูกชอบโกหกคุณหรือไม่ คำถามอยู่ที่ว่า เมื่อไหร่ที่ลูกจะเริ่มโกหกคุณ ลองอ่านบทความนี้แล้วคุณจะเข้าใจว่าทำไมลูกถึงโกหกในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ และคุณจะรับมือกับการที่ลูกชอบโกหกในสถานการณ์ที่อ่อนไหวเช่นนี้อย่างไร เป็นเรื่องเศร้าที่รู้ว่าเด็กในวัยเริ่ม 2-3 ขวบจะรู้สึกว่าตัวเองต้องโกหก และพวกเขาก็ทำเช่นนั้นจริง ๆ ดังนั้น กุญแจที่จะทำให้ลูกไม่โกหกคือการรู้ว่า “ทำไม” เขาถึงทำเช่นนั้น และรู้ “วิธี” ที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมในทางลบของลูก ทำไมลูกชอบโกหก? มีหลายสาเหตุด้วยกันที่ทำให้ลูกชอบโกหก เราลองมาเริ่มดูอันที่ง่ายที่สุดเพื่อดูว่าพฤติกรรมใดเป็นความไร้เดียงสา และเราไม่สามารถที่จะปิดกั้นจินตนาการของเขาได้ สิ่งนี้เกิดขึ้นกับเด็กในวัยนี้เป็นปกติอยู่แล้ว พวกเขามีจินตนาการอันโลดแล่นและไม่รู้ว่าจะแยกจินตนาการออกจากความจริงได้อย่างไร บางส่วนในจินตนาการของเขาเป็นเรื่องที่เขาไม่ได้เจตนา แต่ก็มีบางครั้งที่เขาตั้งใจให้มันเกิดขึ้น (เหมือนจะไร้เดียงสา แต่ก็เป็นเรื่องที่เขาตั้งใจให้เกิดขึ้น) อีกเหตุผลที่ลูกชอบโกหกคุณคือ  เพื่อหล...