เหตุใดเด็กทารกจึงมีกลิ่นตัวหอม

ตอนที่ฉันคลอดลูกคนแรกเพื่อนๆก็พากันมาเยี่ยมที่โรงพยาบาลและขออุ้มลูกของฉัน พอฉันส่งลูกให้เพื่อนๆก็รีบสูดกลิ่นและพูดว่า “ตายแล้วฉันชอบกลิ่นตัวของเด็กอ่อนจัง อดใจไม่ได้เลย” ฉันจึงรับรู้ได้ทันทีว่ากลิ่นของเด็กแรกเกิดนั้นหอมติดใจมาก มิน่าใครหลายๆคนถึงชอบกลิ่นหอมและสะอาดสดชื่นของเด็กน้อย แม่บางคนแนะนำว่าให้ใช้แชมพูเด็ก แป้งเด็ก และโลชั่นสำหรับเด็กบางยี่ห้อเพื่อยืดเวลาของกลิ่นหอมนี้แต่ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรสามารถเลียนแบบกลิ่นตัวของเด็กทารกได้จริงๆ นอกจากนี้ยังมีอีกสาเหตุหนึ่งทั้งในทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาว่าทำไมโดยธรรมชาติแล้วเด็กทารกจึงมีกลิ่นตัวหอม

สาเหตุที่เด็กทารกมีกลิ่นตัวหอมหลังจากที่คลอดออกมาประมาณหกสัปดาห์นั้นอาจเป็นเพราะน้ำคร่ำที่ยังตกค้างรวมถึงไขมันในทารกแรกเกิดซึ่งเป็นสารสีขาวห่อหุ้มร่างกาย แม้ว่าสารเหล่านี้จะถูกชำระล้างออกทันทีแต่ก็จะยังคงหลงเหลือกลิ่นอยู่อีกนานหลายสัปดาห์ การศึกษาสรุปว่ากลิ่นตัวของทารกแรกเกิดคือแรงจูงใจสำหรับคุณแม่มือใหม่ในการดูแลลูกของตัวเองเนื่องจากมีส่วนช่วยในการขจัดความเหนื่อยล้าและเพิ่มความรู้สึกของการเป็นแม่ให้มากขึ้น การศึกษาในปี 2013 ซึ่งตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ Frontiers in Psychology ชี้แจงว่ากลิ่นดังกล่าวมีอยู่จริงและจะส่งผลกระทบต่อสมองบางส่วนของผู้หญิงทุกคนโดยเฉพาะบรรดาคุณแม่มือใหม่

การศึกษานี้ได้รวบรวมผู้หญิง 30 คนซึ่งมีอายุใกล้เคียงกันโดยครึ่งหนึ่งในนั้นยังไม่เคยคลอดบุตรขณะที่อีกครึ่งหนึ่งเพิ่งคลอดบุตรภายในหกสัปดาห์ที่ผ่านมา เราได้คัดแยกกลิ่นของเด็กทารกที่ตกค้างอยู่บนชุดนอนและให้ผู้หญิงทั้งหมดดมกลิ่นพร้อมกับทำการสแกนสมองไปด้วย ผลปรากฏว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นในสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับการให้รางวัลแห่งความสุขของผู้หญิงทุกคน ทั้งนี้การที่เด็กทารกมีกลิ่นตัวหอมอย่างน่าทึ่งส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะจิตใต้สำนึกของคนเราต้องการให้เป็นแบบนั้น อย่างไรก็ตามเนื่องจากการศึกษานี้ทดลองกับผู้หญิงเท่านั้นจึงไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าคุณพ่อจะมีปฏิกิริยาแบบเดียวกันหรือไม่แต่ก็สันนิษฐานว่าน่าจะได้ผลลัพธ์ไม่ต่างกัน ตราบใดที่ยังไม่มีใครสามารถเลียนแบบกลิ่นหอมนี้ได้มนุษย์ทุกคนจึงต้องกำเนิดบุตรต่อไปเพื่อสร้างกลิ่นที่ทำให้เพื่อนๆและครอบครัวของเรามีความสุข

หากสนใจหาพี่เลี้ยงเด็ก สามารถติดต่อสอบถามปรึกษาเรื่อง พี่เลี้ยงเด็ก, พี่เลี้ยงฟิลิปปินส์ ได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.kidnario.com
Facebook : https://www.facebook.com/KiDNARIO