“โรคเหงือกในเด็ก” ปัญหาสุขภาพในช่องปากที่ไม่ควรละเลย
ทันตแพทย์มักพูดเสมอว่า การรักษาโรคฟันนั้นง่ายกว่าโรคเหงือก เพราะเหงือกเป็นอวัยวะสำคัญที่มีความละเอียดอ่อน และจากข้อมูลล่าสุดเปิดเผยว่า 4 ใน 5 ของเด็กไทยมีปัญหาโรคเหงือก
พ่อแม่ผู้ปกครองจึงควรที่จะต้องทำความรู้จักกับโรคนี้อย่างจริงจัง เพื่อหาทางป้องกันไม่ให้เกิดกับลูกน้อย
สาเหตุของการเกิด “โรคเหงือก”
โรคเหงือกอักเสบในเด็กมีสาเหตุมาจากการขาดการดูแลรักษาความสะอาดช่องปากอย่างถูกวิธี มีการดูแลสุขภาพฟันที่ไม่เพียงพอ เช่น แปรงฟันไม่สะอาด ทำให้เกิดการสะสมของคราบจุลินทรีย์และหินปูน จึงประกอบไปด้วยเชื้อโรคจำนวนมากที่ทำให้เกิดเหงือกอักเสบ โดยมีอาการคือ เหงือกบวม แดง มีกลิ่นปากรุนแรงและมีเลือดออกเวลาแปรงฟัน หากไม่ได้รับการรักษาก็จะลุกลามจนทำลายกระดูกรอบรากฟัน จนฟันโยกและต้องถอนฟันในที่สุด
แบคทีเรีย.. ตัวการร้ายที่ต้องรีบกำจัด
ถ้าคราบแบคทีเรียไม่ถูกกำจัดออกไปเป็นประจำด้วยการแปรงฟันอย่างถูกวิธี ก็จะก่อให้เกิดสารพิษที่จะทำลายเนื้อเยื่อเหงือก และทำให้เกิดการอักเสบ ในช่วงแรกของโรคเหงือกนี้ สามารถรักษาให้หายขาดได้ เนื่องจากกระดูกฟันและเนื้อเยื่อที่เชื่อมต่อและยึดฟันไว้ยังไม่ถูกทำลาย แต่ถ้าทิ้งไว้นานโดยไม่ทำการรักษา อาการเหงือกอักเสบก็อาจกลายเป็นโรคปริทันต์ และทำให้เกิดความเสียหายกับฟันและขากรรไกรอย่างถาวร
หมั่นดูแลช่องปาก… ให้สะอาดอย่างสม่ำเสมอ
การดูแลความสะอาดของช่องปากและฟันที่ดีเป็นสิ่งสำคัญ และการทำความสะอาดโดยผู้เชี่ยวชาญก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน ถ้าหากพบว่ามีการสะสมตัวของคราบแบคทีเรียที่มากและแข็งจนกลายเป็นหินปูน ควรพบทันตแพทย์เพื่อให้ทำการขจัดออกคราบเหล่านั้น ซึ่งการดูแลเพื่อป้องกันโรคเหงือกสามารถทำได้โดยหมั่นดูแลสุขภาพช่องปากของลูกน้อยเป็นประจำ คุณแม่ควรเป็นผู้ช่วยในการช่วยแปรงฟันให้ลูกซ้ำ เพื่อให้บริเวณนั้นๆ สะอาด ขจัดคราบฟันออกให้หมด ซึ่งจะช่วยป้องกัน และบรรเทาอาการที่เกิดขึ้นได้
เหงือกอักเสบ… ก็รักษาได้
ส่วนการรักษาโรคเหงือกอักเสบ มีตั้งแต่การขูดหินปูน เกลารากฟัน จนไปถึงการผ่าตัด การรักษาจะซับซ้อนยุ่งยากมากขึ้นตามระดับความรุนแรงของโรค ดังนั้นการหมั่นไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากเป็นประจำจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อที่จะได้ตรวจพบและรักษาโรคอย่างทันท่วงที
ทั้งนี้หัวใจของการรักษาโรค ก็อยู่ที่การดูแลรักษาสุขภาพช่องปากของเด็กตั้งแต่อายุยังน้อย ควรฝึกฝนเด็กให้หมั่นทำความสะอาดช่องปากให้สะอาดอย่างทั่วถึงและสม่ำเสมอ ก็จะสามารถป้องกันการเกิดโรคและป้องกันการลุกลามของโรคได้ รวมถึงควรจะพาลูกไปพบทันตแพทย์ทุกๆ 6 เดือน เพื่อรักษาสุขภาพของปากและฟันให้ดีอยู่เสมอ
หากสนใจหาพี่เลี้ยงเด็ก สามารถติดต่อสอบถามปรึกษาเรื่อง พี่เลี้ยงเด็ก, พี่เลี้ยงฟิลิปปินส์ ได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.kidnario.com
Facebook : https://www.facebook.com/KiDNARIO
เว็บไซต์ : https://www.kidnario.com
Facebook : https://www.facebook.com/KiDNARIO
Comments
Post a Comment